วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สมุนไพรที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพสุนัข


Alfalfa (Lucene) จัดเป็นพืชจำพวกตระกูลถั่วที่มีฝัก เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นพืชชนิดแรก ๆ ที่ใช้เพื่อการเพาะปลูก เติบโตได้ในแถบทุกอากาศทั่วโลก Alfalfa มีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ในบางพื้นที่รากของ Alfalfa สามารถชอนไชลงไปได้ลึกกว่า 130 ฟุต จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารได้มากกว่าและบริสุทธิ์กว่า อีกทั้งตัวของ Alfalfa เองก็จะไม่สะสมสารพิษ ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จาก “Alfalfa” มากว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อเพิ่มความเร็วและแข็งแรงให้กับม้า อีกทั้งยังใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่ม ด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมายชาวอาหรับจึงขนานนาม Alfalfa ให้เป็น AL-FAS-FAH-SHA หรือ “ราชาแห่งอาหารทั้งมวล”

            Alfalfa:
                         ป้องกันโรคมะเร็ง
                         ป้องกันโรคไขข้อ
                         ช่วยการเจริญเติบโตในลูกสุนัข



ว่านหางจระเข้ หรือ อโลเวร่า (Aloe Vera) คือ พืชล้มลุกชนิดหนึ่งและเป็นสมุนไพรที่เป็นที่รู้จักกันมาก ต้นมีสีเขียว ใบอวบน้ำเป็นใบเดี่ยว ใบหนายาวปลายแหลมบริเวณขอบใบมีหนามห่างกันเป็นระยะ และโคนใบใหญ่ ด้านในใบเป็นวุ้นใสออกสีเขียวอ่อน มีเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้จะออกดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน
            
                Aloe:
                         รักษาแผลไหม้ และ บาดแผล
                         รักษาโรคผิวหนังอักเสบในสุนัข
                         


โกโบ้ (Burdock, Kobo) เป็นส่วนของรากไม้ตระกูลหญ้าเจ้าชู ชนิดดี ซึ่งสามารถรับประทานได้ จะพบทั่วไปในที่ที่อากาศดี ดินมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ และแสงแดดจัด แล้วยังมีการเพาะปลูกกันทั่วไปในญี่ปุ่น เป็นรากของพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แถมยังเต็มไปด้วยคุณสมบัติทางยาอีกด้วย

         Burdock:
                         ป้องกันโรคไขข้อในสุนัข
                         ดีต่อตับ
                         ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน



Calendula (ดอก Marigold หรือ ดอกคาเลนดูล่า หรือ ดาวเรืองหม้อ) เป็นเดซี่ที่ออกดอกปีละครั้งในตระกูล Asteraceae ที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป คุณสมบัติของมันนั้นเป็นที่รู้จักมายาวนานตั้งแต่สมัยกรีซและอียิปต์โบราณ สารสกัดจากดอก calendula ซี่งมี flavonoids, carotenoids, essential oil, sapnosides และ phytosterols ช่วยซ่อมแซมรักษาผิวให้อ่อนนุ่มขึ้น คุณสมบัติการฟื้นฟูเซลล์ของ Calendula จะช่วยให้ผิวที่อักเสบ เป็นผื่น หรือถลอกเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

      Calendula:
                         ช่วยรักษาบาดแผล
                         ช่วยรักษาผิวสุนัขที่มีปัญหา
                         

คาโมมายล์ เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กในตระกูลเดซี่ มีใบนุ่มสีเขียวสด ดอกขาวสะอาด มีเกสรสีเหลืองทอง
อยู่กลางดอก ดอกคาโมมายล์จะเบ่งบานอยู่บนก้านที่สูงชะลูดในฤดูร้อน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายผลแอปเปิ้ล คาโมมายล์ เป็นพืชสมุนไพรบำบัดที่ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรยาวนานหลายพันปี นับตั้งแต่ยุคอียิปต์ โบราณสู่ยุคกรีกโบราณ และยุคโรมัน จนถึงทวีปยุโรป ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพแล้ว ยังมีคุณสมบัติ ที่โดดเด่นในเรื่องการดูแลรักษาปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผิวพรรณ โดยใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

     Chamomile:
                         ช่วยทำให้สุนัขสงบลง
                         ช่วยรักษาโรคระบบทางเดินอาหารในสุนัข
                         ช่วยรักษาผิวหนังที่มีปัญหา


กระเทียม (garlic) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Allium sativum Linn. เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวอยู่ใต้ดิน อยู่ใน วงศ์ Alliaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับ หอมหัวใหญ่ หอมแดง ส่วนที่ใช้รับประทานคือ ลำต้น ดอก และหัว หัวของกระเทียมเป็นทั้งเครื่องเทศ (spice) และสมุนไพร (herb) ที่มีสารประกอบที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบในปริมาณมาก ทำให้กระเทียมมีกลิ่นรสเฉพาะตัว ใช้ปรุงอาหาร (cooking) หลายชนิด ทั้ง ต้ม ผัด น้ำพริกแกง ทอด และยังใช้เป็นวัตถุดิบนำมาแปรรูป (food processing) เพื่อการถนอมอาหารและเพิ่มมูลค่า เป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิด กระเทียมมีกรดแอมิโน อาร์จินีน (arginine) oligosaccharides, flavonoid, and selenium ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

            Garlic:
                         ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และ ทำให้ตับแข็งแรง
                         ช่วยฆ่าเชื้อ และช่วยต้านไวรัส
                         ช่วยไล่หมัด และเห็บ



ขิงจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และ เส้นใย จำนวนมากอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้นเราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น

            Ginger:
                         ดีต่อระบบทางเดินอาหาร
                         บรรเทาอาการปวด และอาการคลื่นไส้
                         เพิ่มการไหลเวียนเลือด



สะระแหน่ หรือ (อังกฤษ: Lemon balm) เป็นพืชสมุนไพรยืนต้น เป็นพืชในตระกูลมิ้นต์ วงศ์กะเพรา มีแหล่งกำเนิด มาจากแถบยุโรปตอนใต้และแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงประมาณ 70 - 150 เซนติเมตรส่วนใบจะมีลักษณะ คล้ายคลึงกับใบพืชในตระกูลมิ้นต์ มีกลิ่นหอมคล้ายใบมะนาว สะระแหน่ มีฤทธิ์เย็นรสเผ็ด น้ำมันสาระแหน่ช่วยขจัดลมร้อน ใช้เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ รักษาอาการหวัดลมร้อน

            Ginger:
                         ดีต่อระบบทางเดินอาหาร
                         บรรเทาอาการปวด และอาการคลื่นไส้
                         เพิ่มการไหลเวียนเลือด



ชะเอมเทศ (Liquorice, Licorice, ชื่อวิทยาศาสตร์: Glycyrrhiza glabra มาจากภาษากรีกแปลว่า "รากหวาน") สมุนไพรที่ได้รับการขนานนามในประเทศจีนว่าเป็นยอดสมุนไพรที่ช่วยขจัดพิษ ซึ่งการรับประทานเป็นประจำในปริมาณน้อย ๆ จะช่วยกำจัดพิษที่สะสมในร่างกายให้ลดลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษที่สะสมในเลือดและตับ และเมื่อเทียบกับสมุนไพรชนิดอื่นแล้วชะเอมเทศนั้นจะมีรสชาติที่อ่อนนุ่มและไม่มีผลข้างเคียง จึงเป็นที่นิยมนำมาช่วยขจัดสารพิษมากกว่าสมุนไพรชนิดอื่น และชะเอมเทศยังมีชื่อเสียงในด้านเป็นยาขับเสมหะ นำมาทำเป็นน้ำชาแก้อาการไอและอาการเจ็บระคายคอ และนิยมนำมาใช้เพื่อช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ

          Licorice:
                         บรรเทาอาการไอ
                         รักษาผิวหนังที่มีปัญหา
                         

สะเดา (Neem)
สะเดา ชื่อวิทยาศาสตร์ Azadirachta indica A. Juss. Var. Siamensis Valeton จัดอยู่ในวงศ์ MELIACEAE ชื่ออังกฤษ Neem Tree, Indian Margosa Tree, Pride of China, Holy Tree, Margosa Tree.สะเดา สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ สะเดาไทย สะเดาอินเดีย และสะเดาช้าง โดยต้นสะเดาไทยและสะเดาอินเดีย จะเป็นชนิดเดียวกัน แต่ต่างสายพันธุ์ สะเดาขึ้นได้ทั่วไปตามป่าแล้งในประเทอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ปากีสถาน ศรีลังกา และประเทศไทย สำหรับในประเทศไทยจะมีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ตามธรรมชาติตามป่าเบญจพรรณแล้งและป่าแดงทั่วประเทศ

              Neem:
                         เหมาะสำหรับสุนัขที่มีปัญหาผิวหนัง
                         ป้องกันแบคทีเรีย และไวรัส
                         ช่วยกำจัดเห็บ หมัด


เรารู้จักผักชีในภาษาอังกฤษว่าพาร์สลีย์ (Parsley) แต่คำว่าพาร์สลีย์นั้นหมายถึงผักชีที่ฝรั่งใช้ มีลักษณะใบหนา ขอบหยักคม ก้านใบแข็ง ใช้ตกแต่งอาหาร เพราะไม่เหี่ยวหรือสลบง่ายๆ ลักษณะกลุ่มใบดูเป็นช่อเหมือนริบบิ้น คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าใบแข็งจึงไม่นิยมกิน แต่พาร์สลีย์กินได้ไม่ต่างจากผักชีที่เราใช้กันประจำวัน รสเข้ม พอกินเป็นแล้วเจอเมื่อไรก็กินเข้าไปด้วยเลยไม่ทิ้งไว้ให้เสียของ

           Parsley:
                         ช่วยรักษากลิ่นปากของสุนัข
                         สำหรับสุนัขที่เป็นโรคโลหิตจาง
                         ช่วยรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ



ขมิ้นชันเป็นขมิ้นชนิดที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายที่สุดและคนไทยรู้กันมาแต่โบราณ กระทั่งสำนวนไทย “ขมิ้นกับปูน” ก็มีที่มาจากคุณสมบัติของขมิ้นซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ส่วนปูนมีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อนำมาผสมกัน จะเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนส่วนผสมนั้นเป็นสีแดง ซึ่งก็คือปูนแดงที่ใช้กินกับหมากนั่นเอง ประโยชน์หลักของขมิ้นนอกจากใช้เป็นอาหารแล้ว ขมิ้นชันยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของยารักษาโรค เช่น ยาลดกรด แก้ปวดท้อง ขับลม ยาเจริญอาหาร ยาโรคผิวหนัง รวมถึงใช้ในอุตสาหกรรมผลิดสีย้อมผ้าและเครื่องสำอาง

       Turmeric:
                         ต่อต้านการอักเสบต่างๆ
                         เป็นสารต้านมะเร็ง
                         ส่งเสริมการทำงานของตับ

Credit: http://www.natural-dog-health-remedies.com/safe-herbs-for-dogs.html

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุนัขที่คุณอาจจะยังไม่ทราบ

1. สุนัขที่เล็กที่สุดคือ สายพันธุ์ ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย มีความกว้างของไหล่เพียง 2.5" และมีน้ำหนักเพียง 110 กรัม

2. สุนัขที่ตัวใหญ่ที่สุดคือ สายพันธุ์ อิงลิช มาสทิฟฟ์ มีน้ำหนักถึง 128 กก.


3. สุนัขที่สูงที่สุด คือ สายพันธุ์ เกรทเดรน มีความสูงถึง 44 นิ้ว


4. ปี 2554 มีสุนัขอยู่ในโลกประมาณ 400 ล้านตัว
5. ในประเทศอังกฤษสมัยก่อน คำว่า hound หมายถึงสุนัขทุกสายพันธุ์
6. ในความเป็นจริงแล้ว  สุนัขไม่ได้มองเห็นภาพแค่เพียงสีขาว-ดำ  สุนัขสามารถมองเห็นสีได้  แต่เป็นการมองเห็นสีได้ในระดับความถี่ที่จำกัด ซึ่งแตกต่างกันตาของคนเรา สีที่มองเห็นได้คือ สีเหลือง และสีฟ้า


7. สุนัขมีสายตาไม่ดีมาก แต่สามารถแยกแยะการเคลื่อนไหว ได้ดีกว่ามนุษย์

8. ถึงสุนัขจะมีสายตาที่ไม่ดี แต่สามารถมองเห็นในช่วงเวลากลางคืนได้ดีกว่ามนุษย์


9. สุนัขมีกล้ามเนื้อ 18 หรือมากกว่า ที่จะเอียง หมุน หรือ ขยับหู
10. สุนัขสามารถได้ยินเสียง 4 เท่าของระยะการได้ยินของมนุษย์



11. เมื่ออายุครบ 4 สัปดาห์ สุนัขจะเริ่มมีพัฒนาการในการเปล่งเสียง
12. สุนัขส่วนใหญ่มีความสามารถในการเข้าใจคำพูดและท่าทาง ได้ถึง 250
13. สุนัขสามารถนับได้ถึง 5 และสามารถคำนวณคณิตศาสตร์อย่างง่ายได้
14. ช่วงอายุเฉลี่ยที่ฉลาดที่สุด คือ 2 ปี
15. สุนัขนอนหลับเฉลี่ย 10 ชั่วโมง ต่อ วัน


16. สุนัขก็ฝันได้เหมือนมนุษย์
17. สุนัขสามารถรับประทานอาหารได้หลากหลาย และสามารถทานผักและผลไม้ได้ ไม่เหมือนแมวที่ทานได้เฉพาะเจาะจง
18. นอกจากการฝึกสุนัขอย่างเป็นทางการ สุนัขยังสามารถเรียนรู้ได้จากการสังเกตุ
19. โกลเด้นรีทีฟเวอร์ สายพันธุ์ยอดนิยม ถูกพบที่ประเทศสก๊อตแลนด์ กลางปี คศ. 1800
20. สุนัขบางตัว มีความสามารถที่น่าทึ่ง คือ การสามารถตรวจสอบโรคมะเร็งบางชนิด จากการดมกลิ่นได้
21. สุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่น สามารถตรวจสอบวัตถุระเบิด ยาเสพติด หรือ สิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ได้

Credit: https://www.doggiebuddy.com/50-amazing-dog-facts/

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในสุนัขแก่


ชีวิตมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสุนัขของคุณ จากระยะเวลาที่คุณนำเค้าเข้ามาในบ้านเมื่อยังเป็นเด็ก และผ่านไปไม่นาน จนเค้าแก่ตัวลง ในชั่วพริบตา และในปัจจุบัน เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ช่วยให้สัตว์แพทย์ สามารถที่จะรักษา และจัดการกับโรคภัยต่างๆที่มากับสุนัขได้
จากที่เราทราบกันว่าอายุของสุนัข จะเท่ากับ 7 เท่า เมื่อเทียบกับชีวิตมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงช่วงอายุสุนัขแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกันไป โดยจะขึ้นกับขนาดของสุนัข เช่น สุนัขสายพันธุ์ใหญ่ จะมีอายุน้อยกว่า 10 ปี ในขณะที่สุนัขสายพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาว่า อาจจะมีอายุได้ถึง 18 ปีเลยทีเดียว ช่วงอายุของสุนัขที่ถือว่าเข้าสู่วัยชรา คือ ช่วงอายุที่ 25% ของช่วงอายุที่เหลือสุดท้าย
โดยสัตว์แพทย์ได้ระบุว่าโรคสำหรับสุนัขแก่ที่พบได้บ่อย คือ

โรคข้อเข่าเสื่อม


โรคข้อเข่าเสื่อมมีความสัมพันธ์กับอายุของสุนัข โดยกระดูกอ่อนที่ช่วยปกป้องข้อต่างๆ จะค่อยๆเสิ่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่เจ้าของสุนัขสามารถช่วยบรรเทาให้โรคนี้เกิดขึ้นได้ช้าลง ดังนี้
อย่างแรก ต้องรักษาน้ำหนักของสุนัขให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม สุนัขที่มีน้ำหนักเยอะ หรือ อ้วนเกินไป จะทำให้ข้อต่อต่างๆ ต้องรับน้ำหนัก และทำงานหนักจนเกินไป สุนัขทุกสายพันธ์ุสามารถเป็นโรคนี้ได้ แต่ที่ปรากฎเด่นชัดมากที่สุด คือ สุนัขสายพันธุ์ใหญ่
อย่างที่สอง ควรหมั่นตรวจสอบ และสังเกตุ สิ่งผิดปกติ ว่าสุนัขเริ่มมีอาการของโรคดังกล่าว หรือไม่ เช่น ไม่กระโดดขึ้นบันได หรือ กระโดดขึ้นที่สูง เหมือนที่ผ่านมา ควรปรึกษาสัตว์แพทย์ เกี่ยวกับอาหารที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และบรรเทาโรคข้อเข่าเสื่อมได้

โรคทางทันตกรรม


โรคทางทันตกรรม สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสายพันธุ์ และทุกขนาด ถ้าไม่รักษาให้ถูกวิธี จะนำไปซึ่ง ความเจ็บปวด สูญเสียฟัน และติดเชื้อในกระแสเลือดได้
การดูแลรักษาฟันสุนัข เช่น การแปรงฟัน หรือ กลุ่มขนมขบเคี้ยวสุนัข ที่ช่วยขัดฟัน ซึ่งจะช่วยลดหินปูน หรือ อาหารกลุ่มพิเศษ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพฟัน เมื่อสุนัขเริ่มมีปัญหาสุขภาพฟัน ควรพาไปพบสัตว์แพทย์ เพื่อทำความสะอาดฟัน อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการที่รุนแรงมากขึ้น

โรคอ้วน


สุนัขมากกว่าครึ่งหนึ่งในสหรัฐ มีน้ำหนักเกิน และอ้วน และเจ้าของหลายคน ไม่ได้ตระหนักว่า สุนัขที่อ้วนจะมีปัญหาของโรคต่างๆ เช่น โรคข้อ โรคเบาหวานและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหัวใจ
การออกกำลังกาย และการควบคุมปริมาณแคลอรี่ในอาหารสุนัข จะช่วยควบคุมน้ำหนักของสุนัขให้เหมาะสม สุนัขแก่จะมีกิจกรรมน้อยกว่าสุนัขวัยรุ่น และต้องการปริมาณแคลอรี่ที่ต่างออกไป อาหารสำหรับสุนัขแก่ จะมีปริมาณของสารอาหารที่สมดุล เหมาะสมกับวัย อัตราส่วนของโปรตีนและไขมัน จะแตกต่างจากอาหารสำหรับสุนัขโต ควรปรึกษาสัตว์แพทย์ เกี่ยวกับ อาหาร และ วางแผนการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และ ถูกต้อง

ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน (Hypothyroidism)


ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำนั้น เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ เช่น ไทรอกซิน (T4) และ ไตรไอโอโดไทโรนีน (T3) ออกมาได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะด้วยสาเหตุความผิดปกติจากต่อมไทรอยด์โดยตรงเอง ที่เรียกว่า ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำแบบปฐมภูมิ  หรือเกิดจากความผิดปกติของต่อมใต้สมอง แล้วส่งผลทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติตามมา เนื่องจากขาดฮอร์โมน Thyroid stimulating hormone (TSH) ที่เราเรียกว่า ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำแบบทุติยภูมิ ก็ได้ โดยจะส่งผลต่อระบบเผาผลาญอาหารผิดปกติ แต่ปัจจุบันโรคนี้สัตว์แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยโรค โดยการเจาะเลือด และรักษาได้ด้วยยา

โรคมะเร็ง


สุนัขสามารถเป็นโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกันกับมนุษย์ เช่น มะเร็งกระดูก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น มะเร็งเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในสุนัขทุกตัว สิ่งที่เจ้าของทำได้ดีที่สุดคือ หมั่นสังเกตลักษณะความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสุนัข และพาไปพบสัตวแพทย์ให้ทันท่วงที โดยสัญญาณอันตรายของมะเร็งสังเกตได้จากหลายลักษณะ อาทิ มีการบวมขึ้นอย่างผิดปกติที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างต่อเนื่อง เกิดแผลที่ไม่หายและเป็นเรื้อรัง น้ำหนักตัวลดอย่างรวดเร็ว มีเลือดหรือสารคัดหลั่งออกมาจากช่องเปิดต่างๆ ในร่างกาย มีกลิ่นตัวผิดปกติ เจ็บขาเรื้อรัง หายใจลำบาก เป็นต้น  ควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจเช็คหาเชื้อมะเร็ง และโรคอื่นๆ ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกัน และรักษาได้อย่างทันท่วงที

Credit: http://www.petmd.com/dog/centers/nutrition/evr_dg_common-senior-dog-diseases





Perfectly Timed Photos of Dogs































Credit: http://www.lifewithdogs.tv/2015/06/30-perfectly-timed-photos-of-dogs/