วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เตรียมความพร้อมให้กับสุนัข สำหรับการเดินทาง

เดือนนี้มีวันหยุดยาวหลายวัน ใครวางแผนพาน้องหมาไปเที่ยวแล้วบ้างยกมือขึ้นหน่อยค่า
สำหรับการพาน้องหมาไปเที่ยวพักผ่อน นอกจากเราจะต้องเตรียมหาสถานที่เที่ยวและที่พักที่อนุญาตให้น้องหมาเข้าได้แล้ว สิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนพาน้องหมาไปเที่ยวก็คือ การเตรียมความพร้อมของร่างกาย และการฝึกให้พวกเขาอยู่ภายใต้คำสั่งของเรานั่นเอง เพราะการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมแบบกระทันหันจะส่งผลต่อสุขภาพและพฤติกรรมของน้องหมาได้โดยตรง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจให้น้องหมาจะเป็นวิธีที่ช่วยให้การเดินทางในทริปนี้เป็นไปอย่างราบรื่นนะคะ












วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การฝึกสุนัขให้ฉลาดเป็นกรด

สุนัขที่ไม่ได้รับการฝึกอาจกลายเป็นสุนัขก้าวร้าวและเป็นอันตรายกับเจ้าของได้ เจ้าของควรเริ่มฝึกสุนัขตั้งแต่ยังเล็กๆจะง่ายกว่า โดยฝึกให้คุ้นเคยกับการรับคำสั่ง การเดินโดยใช้สายจูง การเล่นเกม สุนัขที่ได้รับการฝึกตั้งแต่เล็กถ้าพฤติกรรมที่ไม่ดีตอนโตจะแก้ไขได้ง่ายกว่าสุนัขที่ไม่ได้รับการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งค่ะ





วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การแปรงฟันให้กับสุนัข

การแปรงฟันให้สุนัขเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพโดยทั่วไป ฟันที่สะอาดยังสามารถทำให้สุนัขสุขภาพดี มีความสุขและอายุยืนอีกด้วย คราบจุลินทรีย์บนผิวฟันและหินปูนไม่เพียงแต่ทำให้ลมหายใจของสุนัขมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุให้สูญเสียฟันด้วย
การเลือกยาสีฟัน ห้ามใช้ยาสีฟันของคนโดยเด็ดขาด เนื่องจากยาสีฟันของคนจะผสมฟลูโอไรด์และส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุนัข คุณอาจต้องลองใช้หลายๆ รสชาติ เพื่อหารสที่เหมาะที่สุดสำหรับุสุนัขของคุณ

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ปัญหาโรคผิวหนังเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักใจกับเจ้าของสุนัข ทั้งยังทำความรำคาญให้กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย สัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาผิวหนังจะแสดงอาการต่างๆ กันออกไป เช่น คัน เกา ผิวหนังแดงอักเสบ ขนร่วงมีตุ่มหนองตามตัว มีสะเก็ด ผิวหนังหลุดลอก บางครั้งก็ส่งกลิ่นเหม็น แถมบางโรคก็ยังติดต่อมาสู่คนอีกด้วย ดังนั้นหากพบว่าสัตว์เลี้ยงของท่านมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง อย่าปล่อยไว้จนลุกลาม ควรพามาพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที และอาหารที่สุนัขทานก็สามารถช่วยรักษาโ่รคผิวหนังได้อีกทางอีกด้วย


การออกกำลังกายสำหรับสุนัข

การออกกำลังกาย ถือเป็นสิ่งดีที่จะช่วยสร้างสมดุลในร่างกายให้น้องหมามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวต่าง ๆ ให้น้อยลงได้ แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงให้น้องหมา ออกกำลังกายมากจนเกินพอดี ไม่สอดคล้องกับช่วงอายุของน้องหมาก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมาได้เช่นกันค่ะ


วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สารอาหารพิชิตโรคผิวหนังในสุนัข

ปัญหาโรคผิวหนังเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักใจกับเจ้าของสุนัข ทั้งยังทำความรำคาญให้กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย สัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาผิวหนังจะแสดงอาการต่างๆ กันออกไป เช่น คัน เกา ผิวหนังแดงอักเสบ ขนร่วงมีตุ่มหนองตามตัว มีสะเก็ด ผิวหนังหลุดลอก บางครั้งก็ส่งกลิ่นเหม็น แถมบางโรคก็ยังติดต่อมาสู่คนอีกด้วย ดังนั้นหากพบว่าสัตว์เลี้ยงของท่านมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง อย่าปล่อยไว้จนลุกลาม ควรพามาพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที และอาหารที่สุนัขทานก็สามารถช่วยรักษาโ่รคผิวหนังได้อีกทางอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การดูแลรักษาความสะอาด สำหรับสุนัขแก่

สิ่งต่างๆ รอบตัวย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ก็เหมือนกับอายุของคนเราที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี เช่นเดียวกับน้องหมาที่เมื่อมีอายุมากขึ้นร่างกายก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ระบบอวัยวะต่างๆ หรือภูมิคุ้มกันโรคก็จะเริ่มเสื่อมลง จากน้องหมาที่เคยวิ่งได้อย่างคล่องตัวก็กลับกลายเป็นน้องหมาที่เดินอย่างเชื่องช้า ไม่กระฉับกระเฉง ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมลดน้อยลง หรือมีนิสัยและพฤติกรรมไม่เหมือนเดิม รวมถึงเกิดปัญหาสุขภาพ และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจและเพิ่มการดูแลเอาใจใส่น้องหมาแก่ให้มากขึ้นเพื่อน้องหมาจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและอายุยืนยาว


วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การถ่ายพยาธิเป็นเรื่องจำเป็น



การถ่ายพยาธิให้สุนัขเป็นเรื่องจำเป็น พยาธิที่พบได้บ่อยที่สุดได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิตัวตืด และพยาธิแส้ม้า พยาธิเหล่านี้เป็นตัวการให้สุนัขเป็นโรคต่างๆได้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกระเพาะอาหาร และลำไส้ของสุนัข
ฉะนั้น เราจึงควรจะถ่ายพยาธิสุนัขด้วยยาที่ผลิต โดยบริษัทที่เชื่อถือได้ทุก 3 เดือน แต่ถ้าเป็นลูกสุนัข ก็ควรต้อง ถ่ายพยาธิบ่อยกว่าสุนัขโต คือถ่ายทุกสัปดาห์ จนอายุได้ 12 สัปดาห์ แล้วถ่ายทุกเดือนจนมีอายุได้ 6 เดือน
วิธีป้องกันที่ดีคือ เรื่องความสะอาด และทำการถ่ายพยาธิอย่างสม่ำเสมอ ด้วยยาที่ครอบคลุม พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ และพยาธิแส้ม้า
#zeeson ขนมขบเคี้ยวสำหรับสุนัข #zeesonbolg สาระดีๆ สำหรับสัตว์เลี้ยง

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โภชนาการสำหรับอาหารสุนัขที่ทำเองที่บ้าน

การปรุงอาหารสดให้สุนัขกินเอง เพื่อจะให้ครบถ้วนตามความต้องการของสุนัข ซึ่งปกติสุนัขเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ เราจะสามารถผสมสูตรอาหารให้กินได้มากมาย สุนัขจะมีความชอบในการกินอาหารประเภทนี้มาก ซึ่งปัจจัยหลักคือการให้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ซึ่งเจ้าของที่เลี้ยงสุนัขด้วยอาหารชนิดนี้ควรจะมีการเสริมวิตามินสำเร็จรูปในแต่ละมื้อ เพื่อเพิ่มปริมาณสารอาหารที่สำคัญซึ่งจะช่วยในการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ให้กับสุนัข
#zeeson ขนมขบเคี้ยวสำหรับสุนัข #zeesonblog สาระดีๆ สำหรับสัตว์เลี้ยง


วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

สูตรไอศครีมแตงโมสำหรับน้องหมา

สูตรไอศครีมรสแตงโม สำหรับน้องหมา


ส่วนผสม
1. เนื้อแตงโม 2 ถ้วย
2. น้ำมะพร้าว หรือ น้ำกระทิมะพร้าว 1 ถ้วย
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ (หรือตามที่ชอบ)


วิธีการทำ
1. ตักเนื้อแตงโม โดยแยกเม็ดออก แล้วนำไปปั่นจนละเอียด
2. เทน้ำมะพร้าว หรือ น้ำกระทิ และน้ำผึ้งปั่นต่อให้เข้ากัน
3. เทลงบนแม่พิมพ์ ที่ใช้สำหรับทำไอศครีม 
4. นำไปแช่แข็งไว้ค้างคืน หรือ จนแข็งเป็นน้ำแข็ง
5. นำออกมาจากแม่พิมพ์ แล้วนำไปให้สุนัขทางได้เลย



Credit: http://www.petguide.com/health/dog/frosty-watermelon-dog-treat-recipe/

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หาเพื่อนรัก สัตว์เลี้ยงให้ลูก

หาเพื่อนรัก สัตว์เลี้ยงให้ลูก เลี้ยงตัวอะไรดี


          "แม่ครับ แม่ครับ อย่าลืมซื้ออาหารให้น้องนะครับ อาหารหมดแล้ว"....ลูกชายคนโตของฉันส่งเสียงมาตามสาย เพื่อให้แวะซื้ออาหารให้สัตว์เลีี้ยงของเราซึ่งเป็นหนูแกสบี้ 3 ตัว ระหว่างขับรถกลับบ้าน
          คงปฎิเสธไม่ได้ว่าเด็กและสัตว์เลี้ยงคือสีสันของครอบครัว ความเจี๊ยวจ๊าว วุ่นวาย ปนเสียงหัวเราะและเสียงร้องของสัตว์เลี้ยง ช่วยเพิ่มบรรยากาศความร่าเริงบันเทิงใยให้กับบ้าน นอกจากนั้นการมีสัตว์เลี้ยงยังเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเด็กๆ ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ความหมายของชีวิต ว่าชีวิตหนึ่งๆ มีความเปราะบาง ดังนั้นถ้าอยากจะเลี้ยงสัตว์ เด็กๆ จะต้องมีเมตตา ทำอะไรด้วยความระมัดระวัง รู้จักรับผิดชอบในการทำหน้าที่ดูแลสัตว์ตามความเหมาะสมของวัย
          ถ้าคิดจะเลี้ยงสัตว์ต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายๆ ด้าน เพื่อหาสัตว์ที่เหมาะสมกับทั้งคนในครอบครัว ไลฟ์สไตล์ และพื้นที่ในการเลี้ยงด้วยนะค่ะ มาลองอ่านรายละเอียดกัน จะได้เลือกถูกว่า สัตว์ชนิดไหนที่น่าจะเหมาะกับครอบครัว


ปลา
ปลาเป็นสัตว์ที่เลี้ยงค่อนข้างง่ายในเรื่องของพื้นที่ สามารถเลี้ยงได้ตั้งแต่ในโถขนาดเล็ก ตู้ปลาขนาดใหญ่ ไปจนถึงบึงกว้างหลังบ้าน แล้วแต่ว่าบ้านนั้นมีพื้นที่มากน้อยขนาดไหน และอยากเลี้ยงปลาชนิดใด บางคนนิยมเลี้ยงปลาทองเพราะว่าสวยงาม แต่ทราบไหมคะ มีปลาอีกชนิดที่เลี้ยงง่ายกว่าปลาทอง ไม่ต้องมีเครื่องทำออกซิเจน ไม่ต้องมีเครื่องกรอง หรือฮิตเตอร์ทำความร้อนให้ หาซื้อง่าย่ ราคาไม่แพง มีสีสันสวยงาม มันคือปลากัดไทยๆ เรานี่แหล่ะ


นก
เพิ่มดีกรีความยากขึ้นมานิดหนึ่ง การดูแลนกยากกว่าปลาหรือเต่า นกบางชนิดฉลาดมาก และต้องการความสนใจขากเข้าของ บางชนิดชอบอยู่รวมกันหลายๆ ตัวมากกว่าอยู่เดี่ยวๆ


สัตว์ฟันแทะ
พวกกระต่าย หนูต่างๆ เช่น หนูแฮมสเตอร์ตัวเล็กๆ, หนูแกสบี้หรือฝรั่งเรียกว่ากินนีพิก (Guiney pig) ตัวโตขึ้นมาหน่อย สัตว์เหล่านี้ต้องการพื้นที่ไม่มาก ดูแลไม่ยาก สัตว์พวกนี้เป็นสัตว์สังคมชอบอยู่กันหลายๆ ตัว จึงควรเลี้ยงมากกว่า 1 ตัว เลือกให้เป็นเพศเดียวกันเพราะเจ้าพวกนี้แพร่พันธุ์ออกลูก ออกหลานเร็วมากๆ


แมว
แมวขึ้นชื่อในการมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ต้องการการดูแลมากเท่ากับสุนัข แต่ก็ยังต้องการการเอาใจใส่ด้านสุขภาพ ต้องพาไปหาสัตวแทพย์เพื่อเช็คสุขภาพประจำปีและรับวัคซีน ไม่ว่าบ้านจะมีพื้นที่มากหรือน้อยก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับแมวเหมียว


สุนัข
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องการเป็นเพื่อนแท้ของคนได้ดีต้องยกให้หมา และปฎิเสธไม่ได้ว่าความรักอันยิ่งใหญ่ที่เราจะได้จากหมานั้นต้องแลกด้วยคำมั่นสัญญาว่าเราจะต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี เพราะหมามีอายุค่อนข้างยืนยาว เป็นสัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาด จึงต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่ และเวลา หมาต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำ ตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนประจำปี บางพันธุ์ต้องการอาบน้ำแต่งขนจากช่างผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นสัตว์ที่มีค่าใช้จ่ายประจำตัวค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ถ้ากำลังมองหาหมาพันธุ์ฝรั่งๆ หมาพันธุ์ที่เหมาะกับเด็กๆ คือ ลาบราดอร์, โกลเดนรีทรีเวอร์,ปั๊ก, คอกเกอร์สแปเนียล
          
          สำหรับบ้านไหนที่มสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืด อย่าคิดเพียงแต่ว่าเลือกสัตว์ที่มีขนสั้นๆ ก็จะหมดปัญหา เพราะจริงๆ แล้วสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นอกจากขนแล้ว ยังมีโปรตีนที่อยู่ในผิวหนังของสัตว์ (จะหลุดลอกออกกลายเป็นฝุ่น เมื่อมีการผลัดเซลล์ออกเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ) และน้ำลายของสัตว์ด้วย นอกจากนั้นอุปกรณ์ในการเลี้ยงสัตว์ อย่างฟางที่เป็นอาหาร หรือที่นอนที่เป็นพืชแห้งบางชนิด ยังก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้เช่นกัน
          จากเหตุผลข้างต้น ปลาและสัตว์เลื้อยคลานที่มีเกล็ด เช่น กิ้งก่า อีกัวน่า หรือแม้แต่งู จึงถือว่าเป็นสัตว์ที่มี hypoallergenic (ก่อให้เกิดภูมิแพ้ต้ำ) เหมาะที่สุดกับคนเป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืด ถ้าเป็นพวกสัตว์ฟันแทะให้เลือกเลี้ยงพวกตัวเล็กๆ อย่างแฮมสเตอร์ ส่วนหมาแมวไม่มีชนิดพันธุ์ไหนที่ยืนยันได้ว่าไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ 100% แต่หมาที่ถือว่าก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ต่ำ และเป็นพันธุ์ที่หาซื้อง่าย เป็นที่นิยมในประเทศไทย คือ พูเดิ้ล ชเนาเซอร์ เวสตี้ ยอร์คเชียร์เทอเรีย และมัสทีส
          อีกทางเลือกหนึ่งของการเลี้ยงสัตว์คือการรับอุปการะสัตว์ที่โดนทิ้ง หรือคลอดใหม่ไม่มบ้านอยู่ การเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ถึงแม้จะไม่มีใบการันตีสายพันธุ์ อาจจะสายพันธุ์ไม่แท้ ลักษณะไม่ดีเ่ท่ากับซื้อจากฟาร์ม แต่เมื่อเกิดมาในโลกแล้ว ก็น่าสงสารที่จะต้องเป็นสัตว์เร่ร่อน ถ้าเราสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขาได้ ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
          คิดจะเลี้ยงสัตว์แล้ว ศึกษาให้แน่ใจว่าจะเลี้ยงได้ตลอดรอดฝั่งแล้วค่อยรบอีกหนึ่งหรือหลายๆ ชีวิตมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน อย่าลืมสอนให้เด็กๆ มอบความรักให้แก่สัตว์เลี้ยง ดูแลเขาดีๆ เพราะสัตว์ทุกตัวก็มีชีวิต เป็นชีวิตชีวิตหนึ่งเหมือนคนเรานั่นเอง

Credit: นิตยสารขัวญเรือน ฉบับที่ 1072 16-31 July 2016

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เมื่อสุนัขของผมกลายเป็นยักษ์




















Credit: http://www.boredpanda.com/giant-dog-photoshop-adventures-juji-christopher-cline/

วิธีการหยุดอาการอาเจียนในสุนัข


การอาเจียนในสุนัข เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
          - ขาดความระมัดระวังในการกินอาหาร กินอาหารรีบจนเกินไป
          - การเปลี่ยนอาหารแบบทันที
          - นิสัยการกิน หรือ กลืนอาหารของสุนัข
          - การแพ้อาหารบางชนิด
          - มีอาหารติดคอ
          - กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นต้น

10 วิธีการหยุดอาการอาเจียนในสุนัข

1. หยุดอาหาร
เมื่อสุนัขมีอาการอาเจียน สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องทำคือ การหยุดการให้อาหารอย่างน้อย 12 ชั่วโมง สำหรับลูกสุนัข และอย่างน้อย 24 ชั่วโมง สำหรับสุนัขโต ซึ่งการงดอาหารจะช่วยให้กระเพาะอาหารได้พัก และช่วยให้สุนัขลดอาการอาเจียนได้

2. ให้น้ำแข็ง


ในระหว่างการอาเจียน จะทำให้สุนัขเกิดการสูญเสียน้ำ และการให้สุนัขกินน้ำ อาจทำให้กระเพาะไม่รับและอาเจียนออกมาอีก คนหาน้ำแข็งให้สุนัขเลีย เพื่อช่วยลดสภาวะการสูญเสียน้ำ และความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยทำให้สุนัขรู้สึกดีขึ้นอีกด้วย

3. ขิง


การใช้ขิงเพื่อช่วยบรรเทาอาการอาเจียน เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ในการขับลม ช่วยให้ระบบในกระเพาะอาหารดีขึ้น และบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้
นำน้ำผึ้งมาราดบางๆบนขนมปัง 1 แผ่น แล้วโรยผงขิงไว้ด้านบน นำไปให้สุนัขทาน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สุนัขรู้สึกดีขึ้น
หรือ นำรากขิงสด 1 ช้อนโต๊ะ หรือ ขิงผง 1 ช้อนชา มาต้มกับน้ำกระทิ ครึ่งถ้วย ประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปป้อน 1-3 ช้อนชา ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง

4. ข้าวขาว
หลังจากการงดอาหาร เมื่อสุนัขหยุดอาเจียนแล้ว แนะนำให้สุนัขทานข้าวขาวจำนวนเล็กน้อย แทนอาหารปกติ 1-2 วัน เพราะการให้อาหารปกติ อาจจะทำให้กระเพาะของพวกเค้ามีปัญหาอีก
ผสมข้าวสวย 1 ถ้วย กับน้ำกระทิ 1/4 ถ้วยให้เข้ากัน แล้วให้สุนัขทาน ขึ้นกับขนาดของสุนัข ดังนี้
   - 1-2 ช้อนโต๊ะ ทุก 3-4 ชั่วโมง สำหรับสุนัขขนาดเล็ก
   - ครึ่งถ้วย ทุก 3-4 ชั่วโมง สำหรับสุนัขขนาดกลาง
   - 1 ถ้วย ทุก 3-4 ชั่วโมง สำหรับสุนัขขนาดใหญ่
ให้สุนัขทานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดอาเจียน และหลังจากนั้น สามารถให้ทานร่วมกันอาหารปกติได้

5. น้ำซุปไก่


น้ำซุปไก่ นอกจากเป็นอาหารที่มีโภชนาการแล้ว ยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ และช่วยลดอาการขาดน้ำได้ด้วย
วิธีการทำน้ำซุปไก่ ดังนี้
   - ต้มน้ำให้เดือด
   - นำซุปก้อน 2 ก้อนลงในน้ำเดือน และคนให้ละลายจนหมด
   - ทิ้งไว้ให้เย็น
เสริฟน้ำซุปไก่ ให้กับสุนัขจำนวนเล็กน้อย แต่ถี่ๆ ในระหว่างช่วงวัน

6. เนื้อ สำหรับเด็ก


หลังจากการงดอาหาร คุณสามารถนำ เนื้อสำหรับเด็กมาให้สุนัขทาน แทนอาหารปกติได้ เพื่อให้กระเพาะไม่ทำงานหนักจนเกินไป และจะช่วยลดอาการอาเจียนได้
เนื้อเด็กทารก 1 ส่วน ผสมกับข้าวสวย 2 ส่วน
เติมโยเกิร์ต 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน
ให้สุนัขทานจำนวนเล็กน้อยในระหว่างช่วงเวลาให้อาหารปกติ

7. กรีกโยเกิร์ต**


หากอาการอาเจียนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การรักษาที่ดีที่สุดคือ การให้สุนัขทานกรีกโยเกิร์ต ซึ่งโยเกิร์ตชนิดนี้จะมีแบคทีเรียชนิดดี ที่ช่วยปรับปรุงระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น
ให้สุนัขทานกรีกโยเกิร์ตทุกๆ ชั่วโมง จนกว่าจะหยุดอาเจียน โดยปริมาณที่ให้ขึ้นกับขนาดของสุนัข ดังนี้
1-2 ช้อนชา สำหรับสุนัขขนาดเล็ก
1-2 ช้อนโต๊ะ สำหรับสุนัขขนาดกลาง
2-4 ช้อนโต๊ะ สำหรับสุนัขขนาดใหญ่
**กรีกโยเกิร์ต ซึ่งก็คือ plain yogurt ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวีธีทำที่ต่างออกไปเล็กน้อย มีส่วนผสม 2 อย่าง คือ milk และ bacteria cultures

8. น้ำมะพร้าว


น้ำมะพร้าวมีประจุไฟฟ้า (electrolytes) ที่สามารถช่วยป้องกันอาการขาดน้ำ สำหรับสุนัขที่อาเจียนได้
ให้สุนัขรับประทาน โดยขึ้นกับขนาด ดังนี้
   1 ช้อนชา ทุก 2 ชั่วโมง สำหรับสุนัขขนาดเล็ก
   2 ช้อนชา ทุก 2 ชั่วโมง สำหรับสุนัขขนาดกลาง
   3-4 ช้อนชา ทุก 2 ชั่วโมง สำหรับสุนัขขนาดใหญ่

9.น้ำมันหอมระเหย เปปเปอร์มินท์ (สะระแหน่)


ให้สุนัขทาน น้ำมันหอมระเหย เปปเปอร์มินท์ (สะระแหน่) ซึ่งจะช่วยให้กระเพาะ และระบบทางเดินอาหารดีขึ้น และลดอาการอาเจียนได้
การจะให้สุนัขทาน น้ำมันหอมระเหย จะต้องเลือกเป็นเกรดที่สามารถทานได้
หยดน้ำมันหอมระเหย เปปเปอร์มินท์ 7 หยด ลงบน น้ำมันอัลมอนด์หวาน 1 ช้อนโต๊ะ
และยังสามารถเพิ่ม น้ำมันหอมระเหยจากขิง อีก 5 หยด แล้วผสมให้เข้ากัน
แล้วนำส่วนผสมดังกล่าว หยดลงบนลิ้นสุนัข 1-3 หยด
ไม่ควรให้สุนัขทานมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน

10. ทำให้สุนัขเย็น
เมื่อสุนัขป่วย มักจะมีอุณภูมิภายในร่างกายสูง ควรพาพวกเค้าไปอยู่ในพื้นที่เย็น เช่น ภายในบ้าน ถ้าจำเป็นควรเปิดแอร์ด้วย
คุณควรอยู่กับสุนัขเมื่อพวกเค้าป่วย จะช่วยทำให้รู้สึกดี ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งก็เหมือนกับคนเมื่อเวลาป่วย ก็ต้องการความเอาใจใส่ และการคลายเครียด

เคล็ดลับเพิ่มเติม
   - ควรหมั่นสังเกตุอาการของสุนัข อย่าให้มีอาการขาดน้ำ เนื่้องจากจะทำให้สุนัขถึงตายได้
   - ไม่ควรให้สุนัขทานยาใดๆ เว้นเสียแต่ว่าได้รับคำแนะนะจากสัตว์แพทย์
   - บางครั้งอาจต้องให้ยาปฏิชีิวนะ ที่สั่งโดยสัตว์แพทย์ เมื่ออาเจียนจากการติดเชื้อ
   - เมื่อสุนัขของคุณไม่ยอมทานน้ำ หรือน้ำแข็ง
   - การตรวจเช็คอาการขาดน้ำ โดย การดึงหนังส่วนหลังแล้วปล่อย ถ้ายังคงสภาพอยู่ชั่วคราว แสดงว่ายังโอเค แต่ถ้าหนังยุบตัวลงทันที แสดงว่าสุนัขกำลังขาดน้ำ
   - ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรพาไปรักษาโดยสัตว์แพทย์

Credit: http://www.top10homeremedies.com/pets/how-stop-vomiting-dogs.html

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของการนวดให้กับสุนัข



Credit: https://www.pinterest.com/pin/AR3Y_wVIhy_-LgOK7k63U3AfsGCXmUfeAQAqT4WBo2qv0dD2A57c7Is/

15 ข้อดีของการเลี้ยงแมว

15 ข้อดีของการเลี้ยงแมว ที่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องยอม




แมวเป็นสัตว์ลึกลับ ด้วยนิสัยของมันที่ทำให้เราตกหลุมรักอย่างง่ายดาย จากคนที่ไม่เคยเลี้ยงมาก่อน พอได้ลองเลี้ยงอาจจะถอนตัวไม่ขึ้นไปเลยก็ได้ เชื่อหรือไม่ว่าการเลี้ยงแมวทำให้สุขภาพใจ และกายดี ขนาดที่ว่านักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบันเคยทำการวิจัยเรื่องการเลี้ยงแมวมาแล้ว และพบว่ามันมีข้อดีอย่างเหลือเชื่อด้วย

1. ลดความเสี่ยงการเป็นโรคระบบหลอดเลือด University of Minnesota คนที่ไม่ได้เลี้่ยงแมวจะมีอัตราความเสี่ยงของการเป็นโรคที่ว่านี้สูงถึง 30-40% ส่วนคนที่เลี้ยงหมานั้นตามงานวิจัยบอกว่าไม่ได้ผลแบบคนเลี้ยงแมว

2. ลดอาการหัสใจวาย ต้องขอบคุณเจ้าเหมียวด้วยเพราะระบบหลอดเลือดนั้น เกี่ยวข้องกับหัวใจโดยตรง ทำให้คนที่รักและเลี้ยงแมวอย่างดีนั้นลดความเสี่ยงของการเป็นหัวใจวายเฉียบพลัน
3. คุ้มครองระบบภูมิคุ้มกัน ความรุ้สึกต่างๆ ของคนนั้น เป็นสิ่งที่แมวรู้สึกได้ เมื่อเราป่วย หรือเศร้า มันจะเข้ามาคลอเลีย ซึ่งช่วยทำให้เราไม่จมอยู่กับความเจ็บป่วย หรือความทุกข์นานเกินไป จึงช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

4. อาการของโรคภูมิแพ้ลดลง ถ้ากำลังจะมีลูก คุณแม่ใกล้คลอด รวมไปถึงคนรอบข้างเองมักจะกังวลกับการมีเจ้าเหมียวอยู่ในบ้านด้วย ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะมีงานวิจัยออกมายืนยันว่าเด็กยิ่งอยู่ในวัยเยาว์ หากถูกเลี้ยงมากับสัตว์เลี้ยงแมวเหมีว และน้องหมา ระบบภูมิคุ้มกันของเบบี๋จะถูกกระตุ้นให้แข็งแรง

5. ช่วยป้องกันโรคหืดหอบเป็นในเด็ก แน่นอนเมื่อแมวทำให้ภูมิแพ้ลดลงได้ มันก็ช่วยป้องกันโอกาสที่เป็นโรคหืดหอบได้ด้วย และการที่เด็กได้โตมากับสัตว์ จะทำให้พวกเขามีจิตใจดี เพราะฉะนั้นแล้ว มีลูกก็อย่างทิ้งน้องแมวหล่ะ



6. แมวช่วยป้องกันโรคความดัน การเลี้ยงแมวทำให้เราได้ใช้เวลาในการอุ้ม กอด ลูกมันเบาๆ ช่วงเวลานี้เองที่ทำให้ความดันลดลง งานวัจัยของ State university of New York พบว่าคนที่เลี้ยงแมวจะมความดันปรกติกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยง

7. ไตรกลีเซอร์ไรด์ต่ำลงได้ จริงอยู่ที่เราสามารถลดระดับค่าไตรกลีเซอรไรด์ได้ด้วยการออกกำลังกาย ลดคาร์โบไฮดรต แต่การเลี้ยงแมวก็เป็นอกทางที่ช่วยได้ ถ้าสามารถทำควบคู่ไปด้วยกันก็จะวิเศษ

8. ลดระดับคอเลสเตอรอล การเป็นเจ้าของแมวสักตัวจะช่วยคุณได้ ในปี ค.ศ. 2006 มงานวิจัยจากแคนาดา บอกว่า การเลี้ยงแมวช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ยาด้วยซ้ำ

9. ลดความเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก งานวิจัยจาก Minnesota university พบว่าคนที่เลี้ยงแมวอย่างใกล้ชิดจะลดการเป็นเส้นเลือดในสมองแตกได้ถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว

10. คลายเครียด ใครที่เลี้ยงแมวจะรู้ว่ามันช่วยคลายเครียดได้ เมื่อเราเลี้ยงและเล่นกับมัน หรือแม้แต่การนั่งดูพวกมันเล่นสนุกกันเอง ก็ทำให้เราลืมความทุกข์ ความเครียดไปได้แล้ว



11. ลดความกังวล ไม่เพียงช่วยคลายเครียด แต่แมวยังช่วยลดความกังวลใจ การเลี้ยงสัตว์ทำให้ใจเรานิ่งขึ้น เพราะเราเรียนรู้ที่จะดูแลชีวิตอื่น ไม่หมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเองมากเกินไป การที่เราได้รับความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขจากแมว ทำให้เรารู้จักความสุขอย่างแท้จริง

12. ช่วยในเรื่องของกระดูก และกล้ามเนื้อ เสียงครางครือๆ ที่แมวทำขณะกำลังพอใจนั้น ฝรั่งเรียกว่าเสียง purr มันมีความถี่อยู่ที่ 20-140 เฮิร์ตซ์ ในทางวิทยาศาสตร์แล้วมันเป็นคลื่นเสียงที่ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ

13. คลายความโดดเดี่ยว มีแมวแล้วจะไม่ค่อยเหงาค่ะ เพราะแมวเป็นเพื่อนแก้เหงาที่ดี เวลาที่เรารู้สึกโดดเดี่ยวมันจะชอบมรคลอเคลียเป็นเพื่อน หากใครต้องอยู่คนเดียว เป็นโสดหรือม่าย การเลี้ยงแมวจะช่วยคุณได้

14. ช่วยเด็กที่เป็นออทิสซึ่ม เพราะว่าเด็กพิเศษจะมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม หนึ่งในวิธีการบำบัดเด็กที่มีภาวะออทิสซึ่มคือ การใช้เจ้าแมว

15. ป่วยยากและมีอายุยืน มีงานวิจัยพบว่าการรักษาผู้ป่วยที่บ้านพร้อมกับมีแมวตัวน้อยที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนนั้น ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นจนใช้ยารักษาน้อยลง เพราะสภาพจิตใจที่ดีขึ้นนั้นเอง การเลี้ยงแมวและดูแลเอาใจใส่มันเป็นอย่างดี ช่วยให้เราเครียดน้อยลง ใส่ใจชีวิตอื่นมากขึ้น และผลที่ได้รับต่อมาก็คือเรื่องสุขภาพต่างๆ แน่นอนมันทำให้เราอายุยืนขึ้นได้ เพราะป่วยน้อยลงนั้นเอง

Credit: นิตยสาร ดิฉัน ฉบับที่ 933 July 2016

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยต่อสุนัข


 

น้ำมันหอมระเหย เปปเปอร์มินท์ (สะระเหน่) (Peppermint Es. Oil)   
   - ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสุนัข
   - เป็นสารธรรมชาติที่สามารถช่วยขับไล่แมลงได้
   - ช่วยลดอาการข้ออักเสบ และการเจริญเติบโตของกระดูกที่ผิดปกติ
   - กลิ่นหอมเย็นสดชื่นมีคุณสมบัติกระตุ้นร่างกายและจิตใจให้ตื่นตัว

โรมันคาโมมายล์ Chamomile Roman
   - เป็นน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ที่ปลอดภัยที่สุด มีแหล่งกำเนิดในแถบ
ยุโรปจากอังกฤษและฝรั่งเศษ
   - มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเครียดหรืออาการทางจิตใจ
   - มีคุณสมบัติบรรเทาอาการอักเสบ แพ้และระคายเคืองผิวหนัง

น้ำมันหอมระเหยดอกลาเวนเดอร์ (Lavender)
   - มีคุณสมบัติหลักในการช่วยระงับประสาท ให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
   - ช่วยรักษาแผลให้สมานเร็วขึ้น
   - ช่วยลดอาการภูมิแพ้
   - บรรเทาอาการของโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ดี

สเปียร์มินท์ (Spearmint Essential Oil)
   - ช่วยในการลดน้ำหนัก
   - ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และคลื่นไส้
   - และยังดีต่อระบบทางเดินอาหารสำหรับแมว

เบอร์กามอท Bergamot
   - ช่วยรักษาอาการติดเชื้อที่หู
   - มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อรา

หลักการในการเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหย
   - ควรบรรจุในภาชนะแก้ว หรือ ภาชนะสี เช่น สีเหลือง สีฟ้า สีม่วงเป็นต้น
   - ควรตรวจสอบฉลาก และข้อมูลที่สำคัญ เช่น ประเทศผู้ผลิต วิธีการสกัด 
   - ควรมันใจว่า เป็นน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ 100% และเป็นเกรด Therapeutic 
ซึ่งเป็นเกรดในการรักษา แต่ไม่สามารถนำไปประกอบอาหารได้

Credit: http://www.thelazypitbull.com/5-essential-oils-for-dogs/

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีทดสอบ IQ สำหรับสุนัข



มีหลากหลายวิธี ที่จะช่วยตรวจสอบความฉลาดของสุนัขของเรา วิธีการแก้ปัญหา ก็เป็นบททดสอบบทหนึ่ง ที่่จะวัดความฉลาดของสุนัขได้ มาดูกันว่ามีวิธีการตรวจสอบอะไรบ้าง แนะนำว่า ไม่ควรทดสอบทุกรายการภายในวันเดียว
1. การทดสอบโดยใช้ ผ้าขนหนู
    ใช้ผ้าขนหนูผืนยาว คลุมไปที่หัวและไหล่ของสุนัข แล้วสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสามารถหลุดจากผ้าได้ภายใน 15 วินาที
     4 คะแนน - 16-30 วินาที
     3 คะแนน - 31-60 วินาที
     2 คะแนน - 1-2 นาที
     1 คะแนน - เมื่อไม่สามารถหลุดออกจากผ้าได้

2.  การทดสอบโดยใช้ ตะกร้า
     นำขนม หรือ ของเล่น ไปวางไว้ใต้ตะกร้า 1 ใน 3 ใบ ที่วางอยู่ติดกัน แล้วมาดูว่าสุนัขสามารถหาเจอได้เมื่อไหร่
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินตรงไปยังจุดหมาย และเอาขนม หรือ ของเล่นออกมาได้
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขมีการค้นหาอย่างมีระบบ และหาพบในที่สุด
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขมีการค้นหาแบบสุ่ม และหาได้ภายใน 45 วินาที
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขพยายามหา แต่หาไม่เจอ
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขไม่มีทีท่าที่จะค้นหา หรือ ไม่มีความสนใจใดๆ

3. การทดสอบโดย จุดที่ชื่นชอบ หรือ พื้นที่อยู่อยู่เป็นประจำ
    จัดเรียง หรือบ สิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ ภายในห้องใหม่ เมื่อสุนัขออกไปนอกบ้าน และเมื่อพวกเค้าเข้ามาคอยสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินตรงไปยังจุดหมาย หรือจุดที่เค้าเคยอยู่ประจำ
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขใช้เวลา 30 วินาที ในการหาจุดที่ชอบเจอ
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขใช้เวลา 31-60 วินาที
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขใช้เวลา 1-2 นาที
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขไปอยู่บริเวณ หรือ พื้นที่อื่นแทน

4. การทดสอบโดย เก้าอี้ปริศนา
    นำขนมไปซ่อนไว้ใต้เก้าอี้ที่เตี้ย พอที่เท้าสุนัขเข้าไปเขี่ยได้ แต่หัวเข้าไม่ได้
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถนำขนมออกมาได้ภายใน 1 นาที
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถนำขนมออกมาได้ภายใน 1-3 นาที
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขใช้เท้า และปาก แต่ยังไม่สามารถนำขนมออกมาได้
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขใช้ปากอยากเดียวซักพัก แล้วเลิกสนใจ
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขไม่พยายามที่จะเอาขนมออกมา


5. การทดสอบโดย การพาออกไปเดินเล่น
    เลือกเวลาอื่นๆ นอกเหนือจากเวลาที่พาสุนัขไปเดินตามปกติ แล้วหยิบกุญแจ พร้อมสายจูงของพวกเค้า เดินออกไป พร้อมสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินพร้อมไปพร้อมกันคุณ
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขแสดงอาการตื่นเต้น
     3 คะแนน - เมื่อคุณเดินไปถึงประตู สุนัขถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขนั่งแต่มีท่ามีสับสน
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

6. การทดสอบโดย สิ่งกีดขวาง
    นำกระดาษแข็งมาทำเป็นสิ่งกีดขวาง ขนาดยาว 5 ฟุต ความสูงให้สูงกว่าตัวสุนัขเวลายืน เจาะช่่องขนาด กว้าง 3 นิ้ว สูง 4 นิ้ว ทั้งบริเวณด้านบน และ ด้านล่าง แล้วให้คุณอยู่ด้านนึง ส่วนสุนัขอยู่อีกด้านนึง แล้วคุณโชว์ขนมให้สุนัขเห็น แล้วคอยสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขข้ามสิ่งกีดขวางมาได้ภายใน 30 วินาที
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขข้ามสิ่งกีดขวางมาได้ภายใน 31-60 วินาที
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขข้ามสิ่งกีดขวางมาได้ภายใน 1-2 นาที
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขโผล่หัวผ่านช่องที่เราเจาะไว้
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขยืน แต่มีท่าทีสับสน

7. การทดสอบโดย ลูกบอล
    นำลูกบอลมาให้สุนัขเล่นซักครู่ แล้วนำไปซ่อนในถ้วยต่อหน้าสุนัข คอยสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถหาลูกบอลเจอภายใน 0-15 วินาที
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถหาลูกบอลเจอภายใน 16-30 วินาที
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถหาลูกบอลเจอภายใน 1-2 นาที
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขพยายามนำลูกบอลออกมา แต่ไม่สำเร็จ
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขไม่แสดงท่าทีสนใจ



8. การทดสอบโดย อาหารใต้กระป๋อง
    นำอาหารอันแสนโอชะของสุนัขมาโชว์ และให้พวกเค้าดม หลังจากนั้นค่อยๆนำอาหารไปวางที่พื้นให้ห่างจากสุนัขประมาณ 2 เมตร แล้วนำกระป๋องมาคลอบแล้วสลับไป-มา หลังจากนั้นเรียกสุนัขมาเพื่อหาอาหาร คอยสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถนำกระป๋องออก และกินอาหารภายใน 5 วินาที
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถนำกระป๋องออก และกินอาหารภายใน 6-15 วินาที
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถกินอาหารได้ภายใน 16-30 วินาที
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขสามารถกินอาหารได้ภายใน 31-60 วินาที
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขดมไปรอบๆ แต่ไม่สามารถนำอาหารออกมาได้

9. การทดสอบโดย ความเข้าใจทางภาษา
    ให้สุนัขนั่งนิ่งๆ ซักพัก แล้วคุณก้าวออกมา แล้วจึงเรียกชื่อสุนัข
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขนั่งเฉยๆ และรอจนคุณเรียกชื่อจึงค่อยเดินไปหาคุณ
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขมีท่าทีกระสับกระส่าย จะเดินตาม
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินตามคุณไป โดยไม่รอให้เรียกชื่อ

10. การทดสอบโดย การจดจำรอยยิ้ม
      เลือกช่วงทดสอบที่สุนัขนั่งอยู่ห่างจากคุณประมาณ 2 เมตร จ้องไปที่หน้าสุนัข เมื่อพวกเค้าหันมาสบตา จ้องต่อเป็นเวลา 3 วินาที แล้วจึงยิ้ม คอยสังเกตุ
     5 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินเข้ามาหา และกระดิกหาง
     4 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แต่ไม่กระดิกหาง
     3 คะแนน - เมื่อสุนัขลุก-นั่ง แต่ไม่เดินไปหาคุณ
     2 คะแนน - เมื่อสุนัขเดินไปทางอื่น
     1 คะแนน - เมื่อสุนัขไม่แสดงความสนใจใดๆ กับคุณ

ผลการทดสอบ
40 - 50   อัจฉริยะ
30 - 39   มีความฉลาดสูง
20 - 29   มีความฉลาดปานกลาง
15 - 19   ปานกลาง
10 - 14   พอใช้
05 - 10   น้อย
0   - 09   น้อยมาก (แต่ความน่ารักไม่แพ้ใครน่ะ)

Credit: http://positivemed.com/2013/08/21/10-ways-to-test-your-dogs-iq/